ความสุขที่หายไป (หายไปไหนหนอ ?....) เหนื่อยใช่ไหม ล้าใช่ไหม ท้อใช่ไหม หาความสุขในชีวิตไม่เคยเจอใช่ไหม ผิดหวังอยู่เรื่อยใช่ไหม ความรู้สึกเช่นว่านี้ ไม่มีทีท่าว่าจะหายไปจากชีวิตนี้ใช่ไหม ถ้าใช่ ลองตอบคำถามเหล่านี้ด้วยความตั้งใจ และซื่อตรง อาจจะหาคำตอบให้กับตัวเองได้..... - เราดิ้นรนเพื่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนเกินกำลังหรือเปล่า? - จุดมุ่งหมายในชีวิตที่กำลังดิ้นรนเพื่อให้ได้มาอยู่ในขณะนี้ ให้ความสุขได้จริงหรือเปล่า เป็นเพียงสิ่งเดียวในชีวิตที่ให้ความสุขเราหรือเปล่า? คิดว่า เมื่อได้มันมาแล้ว เราจะมีความสุขแท้จริงไหม หรือเพียงคิดไปเอง เชื่อไปเอง - จากคำถามที่แล้ว ถ้าใช่ ที่เราไปไม่ถึงความสุขนั้นเสียที เพราะเรามีข้อบกพร่องใดๆ หรือเปล่า ที่ทำให้ไปไม่ถึง เช่น ขี้เกียจเกินไป ขยันไม่พอ งอมืองอเท้า มัวแต่นั่งนอนวาดวิมานในอากาศ - เราเรียกร้องจากผู้อื่นมากเกินไปไหม หรือเรียกร้องแต่เพียงฝ่ายเดียว โดยไม่เคยเป็นผู้ให้เลยหรือเปล่า? ถ้าใช่ ก็แน่นอนล่ะ ไม่มีใครอยากมีน้ำใจ กับคนที่เอาแต่ได้ฝ่ายเดียวตลอด - เราเคยมองข้อบกพร่องของตนเองบ้างไหม หรือมัวแต่โทษผู้อื่น โทษสังคม โทษสิ่งรอบข้าง - สิ่งที่เราดิ้นรนไขว่คว้านั้น เมื่อได้มาแล้ว มันทำให้เราเกิดความสุขได้นานไหม หนึ่งชั่วโมง ครึ่งวัน หนึ่งวัน หนึ่งสัปดาห์ หนึ่งเดือน หนึ่งปี ........ หรือ เพียงเหมือนเด็กบางคน ที่เบื่อของเล่นใหม่ภายใน หนึ่งวัน แล้วขอของเล่นอันใหม่อีก....... - เพดานความหวังของเราสูงเกินไปไหม ถ้าใช่ ลองลดเพดานความหวังนั้นลงอีกสักนิดหนึ่งพอได้ ไหม - เราเรียกร้องจะเอาอย่างเดียว โดยไม่ยอมเสียสละบ้างเลยหรือเปล่า - เราตีค่าความสุขสูงเกินไปไหม จนมองข้ามความสุขอื่นๆ ที่อยู่ภายในตัวเอง หรือที่อยู่รอบตัวอยู่แล้ว ลองมองหาบ้าง เมื่อเจอแล้ว สุขใกล้ตัวอาจจะมีค่าล้ำกว่าสุขที่มีอยู่แต่ในความคาดหวังว่าจะได้ (ซึ่งไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหน) (ก่อนอ่านคำถามข้อต่อไป ลองมีสติรู้ลมหายใจเข้า ลมหายออกใจ หนึ่งครั้ง) - เราสร้างมาตรฐานการดำเนินชีวิตทางวัตถุสูงเกินจำเป็นไหม จนทำให้ต้องมีข้อเงื่อนไข บีบคั้นชีวิตอยู่ตลอดเวลา อย่างไม่รู้ตัว ถ้าใช่ ลองหัดจมให้ลง ปลงให้ตก สัมผัสไอดิน กลิ่นทราย บ้าง - ลองสังเกตว่า ชีวิตถูกสิ่งที่เรียกว่า “วัตถุแห่งความสุข” หลอกให้วิ่งหา จนเมื่อได้เจ้าความสุขนั้นมาแล้ว ก็ยังถูกหลอกให้วิ่งหาความสุขอื่นๆ อีกต่อไปไหม? - การแสวงหาความสุขของเรา “ชอบธรรม” พอที่จะไม่นำความทุกข์ย้อนกลับมาเป็นของแถมที่ไม่ต้องการให้ในภายหลังไหม? - เราเคยมองสิ่งที่เรียกว่า “ปัญหา” “ความทุกข์” “ความสุข” “เหตุการณ์ สถานการณ์ต่างๆ” “บุคคลต่างๆ” อย่างรอบด้าน หลายแง่มุมไหม ทั้งด้านบวก ด้านลบ มุมมองของเรา มุมมองของคนอื่น? - เรามีบุคลิกใจเร็วด่วนได้ ไม่รู้จักรอเวลาที่เหมาะสมหรือเปล่า? - หากเรามั่นใจว่า เหตุการณ์บางอย่างเราเป็นผู้ถูกกระทำ ลองมองย้อนกลับไปดูว่า เราเคยเป็นผู้กระทำต่อคนอื่นบ้างไหม ? หรือแม้แต่เหตุการณ์ที่กำลังเป็นไปนี้ เราอาจกำลังกระทำคนอื่น แต่เข้าใจไปว่าถูกคนอื่นกระทำก็ได้ - เราพยายามบังคับใครต่อใคร ให้เป็นไปตามที่เราต้องการมากไปไหม หรือเราพยายามบังคับตัวเองให้เป็นไปตามที่คนอื่นต้องการเกินไปไหม? - เวลาที่ทำความดี ในใจของเรายังเรียกร้องให้คนยกย่องสรรเสริญ อยากให้คนอื่นเห็นหรือเปล่า เรายังหวังผลตอบแทน หรือคาดคั้นจะเอาผลตอบแทนให้ได้หรือเปล่า? ถ้าใช่แสดงว่าเรายังเป็นคนดี ที่ขี้น้อยใจอยู่ เป็นคนดีแบบมีเงื่อนไขอยู่ ซึ่งจะทำให้เราไม่สามารถสัมผัสคุณค่าแห่งความดีที่แท้จริงได้ - เราลืมความจริงไปหรือเปล่าว่า ไม่มีใครสมหวังดังใจทุกอย่างในโลกนี้ คนส่วนใหญ่ล้วนแต่ผิดหวัง ไม่สมปรารถนาทั้งนั้น การดิ้นรนให้ชีวิตสมหวังสมอยากสมปรารถนา จึงไม่ใช่ทางจบเรื่องราวความทุกข์ความวุ่นวายได้ แม้จะเป็นโจทย์ข้อใหญ่ที่ทำได้ยาก แต่ความจริงก็มีอยู่ว่า “การหยุดความอยากได้ คือ ที่สุดแห่งทุกข์ทั้งปวง ตณฺหกฺขโย สพฺพทุกขํ ชินาติ” อ่านคำถามจบแล้ว ลองมีสติระลึกรู้ลมหายใจเข้า รู้ลมหายใจออก อีกสักครั้ง ด้วยความผ่อนคลาย ปล่อยใจให้สบาย วางภาระไว้ก่อน แค่เพียงหนึ่งช่วงลมหายเข้าออก ...... นี่อาจเป็นหนทางที่ง่ายๆ ของการเรียกความสุขกลับมาำก็ได้ |
ยินดีต้อนรับผู้เข้าเยี่ยมชมทุกท่าน หน้าบล็อกนี้ เป็นทีประกาศข่าวสาร ความเคลื่อนไหวทั่้วๆ ไปของทีปภาวันธรรมสถาน และนำเสนอบทความธรรมะ หรือข้อคิดสั้นๆ เกี่ยวกับหลักการดำเนินชีวิตทั่วไป
คลังบทความ
December 2012
หัวข้อบทความ
All
|