ความผันผวนแปรปรวนทางธรรมชาติ หลายครั้ง เป็นเหตุก่อภัยพิบัติที่รุนแรง คร่าชีวิตของมนุษย์และสัตว์ พร้อมทั้งทำลายทรัพย์สินไปอย่างมหาศาล สร้างความทุกข์ความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสให้กับผู้ที่ประสบมหันตภัยทางธรรมชาติในรูปแบบต่างๆ เหล่านั้น
ในฐานะที่เป็นเพื่อนมนุษย์ร่วมโลก การตั้งจิตส่งความปรารถนาดี และแสดงความรู้สึกเห็นอกเห็นใจ ปรารถนาจะให้ผู้ประสบชะตากรรมที่เลวร้ายเหล่านั้น พ้นจากความทุกข์เดือดร้อนโดยเร็ว เป็นเรื่องที่ควรกระทำ หรือหากพบช่องทางที่จะแสดงออกซึ่งความเห็นใจ และการช่วยเหลือได้ ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรรีรอเช่นเดียวกัน น่ายินดี ที่ท่าทีจากหลายประเทศทั่วโลก ต่อเหตุการณ์มหันตภัยทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นแก่ประเทศผู้ประสบภัย เป็นไปในทิศทางดังที่ว่า แสดงให้เห็นว่า โลกนี้ ยังคงเป็นโลกของมนุษย์ ที่มีมนุษยธรรมค้ำจุนอยู่ และเป็นโลกที่มีความหวังว่า จะไม่ใช่เป็นโลกมนุษย์เฉพาะทางกายภาพเท่านั้น แต่มีมนุษยธรรมภายในใจรองรับอยู่ด้วย สิ่งเหล่านี้ เป็นเหมือนมาตรวัดคุณภาพ ที่รับประกันสวัสดิภาพโดยภาพรวมของมนุษย์ ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ธรรมชาติมนุษย์ทั่วไป มักจะมีความกรุณา เห็นใจต่อผู้ประสบทุกข์เสมอ แม้แต่ศัตรูคู่แค้นที่โกรธเกลียดกันมานาน หากพบว่าคู่กรณีกำลังย่ำแย่หนักๆ ถ้าไม่ใช่คนที่มีจิตใจหยาบหรือความแค้นไม่รุนแรงฝังรากลึกเกินไป ความเคียดแค้นที่เคยมีมาก็อาจจะหลุดหายไปได้ไม่ยาก หรืออย่างน้อยความรู้สึกเช่นว่าก็อาจจะลดระดับลงบ้าง ภัยพิบัติที่รุนแรงทั่วโลกทุกวันนี้ แสดงตัวอย่าง ของความไม่แน่นอนของชีวิตบนโลกใบนี้ หรือ กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือ ชีวิตนอกจากจะไม่สามารถดำรงอยู่บนโลกนี้ได้อย่างยั่งยืนยาวนานแล้ว ก็มีเหตุปัจจัยรอบด้านที่จะมาตัดรอนให้สั้นเข้าเสียอีก ในมุมมองแบบพุทธต่อเรื่องนี้ คงจะไม่ใช่การรับรู้เหตุการณ์แล้ว เกิดความวิตกกังวลจนจิตตก แต่ควรเป็นเหตุการณ์ที่ช่วยทำให้ได้ข้อคิดบางอย่าง เช่น ๑. ควรดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท เตรียมตัวเตรียมใจ เพื่อความปลอดภัยทางกายภาพ และความปลอดภัยทางจิตใจ ให้พร้อมเผชิญกับความไม่แน่นอนที่อาจจะเกิดขึ้นให้มากที่สุด เพราะต่อไปนี้สิ่งเหล่านี้ ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป เพราะแม้จะอยู่ไกล ก็มีโอกาสเป็นไปได้ที่จะได้รับผลข้างเคียงแง่หนึ่งแง่ใดเสมอ ๒. ควรเห็นคุณค่าของชีวิตตนเอง ด้วยใช้เวลาในชีวิตให้คุ้มค่า และอย่างสร้างสรรค์ ใช้ชีวิตอันเป็นทุน ให้เกิดกำไร คือ ความสุขและสาระที่ยั่งยืน เพื่อจะได้ไม่ต้องมีเรื่องให้ต้องเสียดายหรือเสียใจภายหลัง ๓. เห็นคุณค่าของเวลาแห่งการอยู่ร่วมกันกับบุคคลอันเป็นที่รัก และใช้เวลานั้นให้สมค่า จะได้ไม่มีคำว่า สายเกินไป มาทำให้ปวดใจทีหลัง เพราะไม่รู้ว่าชีวิตจะจอดที่สถานีโลกนี้ นานแค่ไหน อาจจะอีกไม่กี่ปี ไม่กี่เดือน ไม่กี่วัน หรือไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น บุคคลอันเป็นที่รัก เปรียบเหมือน ผู้ที่มาพบกันชั่วคราวระยะหนึ่ง ก่อนที่จะตีตั๋วเดินทางต่อไปตามทิศตามทางของแต่ละคน |
ยินดีต้อนรับผู้เข้าเยี่ยมชมทุกท่าน หน้าบล็อกนี้ เป็นทีประกาศข่าวสาร ความเคลื่อนไหวทั่้วๆ ไปของทีปภาวันธรรมสถาน และนำเสนอบทความธรรมะ หรือข้อคิดสั้นๆ เกี่ยวกับหลักการดำเนินชีวิตทั่วไป
คลังบทความ
December 2012
หัวข้อบทความ
All
|