:บทสัมภาษณ์:
ในส่วนของการสัมภาษณ์วันนี้ ผู้เขียนได้ขอสัมภาษณ์น้องๆ นักเรียน ๓ คน และพร้อมกันนี้ ผู้เขียนยังได้ขอสัมภาษณ์พระอาจาย์มาลา สติสมฺปนฺโน พระวิทยากรจากวัดอุโมงค์ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นพระวิทยากรร่วม ที่เดินทางมาพร้อมกันพระอาจารย์มานพ จากสวนโมกขพลาราม เพื่อให้การอบรมธรรมะแก่น้องๆ นักเรียน จาก ๖ โรงเรียน ที่เดินทางมาสวนธรรมเภรีในวันนี้
พระอาจารย์มาลา สติสมฺปนฺโน |
เกี่ยวกับประวัติส่วนตัว ทราบว่า ก่อนอุปสมบท พระอาจารย์มาลา มีภูมิลำเนาอยู่ที่กรุงเทพมหานคร จบการศึกษาทางด้านนิติศาสตร์ แรกเริ่มเดิมทีตั้งใจบวช เพื่อทดแทนพระคุณพ่อแม่ และจะลาสิกขาเมื่อครบกำหนด แต่ท่านโชคดีเมื่อได้มีโอกาสพบพระเถระผู้เป็นกัลยาณมิตรในวัด (พระอาจารย์อธิป อธิปญฺโญ) ทำให้ได้รับแรงบันดาลใจ และความรู้ด้านการปฏิบัติ จนท่านเกิดศรัทธา ตัดสินใจครองเพศบรรพชิตต่อมาจนถึง ๖ พรรษา และเป็นกลายพระ ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการเผยแผ่ธรรมะ อีกรูปหนึ่งของวัดอุโมงค์ |
ผู้เขียนเรียนถามท่านเกี่ยวการทำงานเผยแผ่พระศาสนาของท่านที่จังหวัดเชียงใหม่
ท่านกรุณาเล่าให้ผู้เขียนฟังว่า
ท่านพร้อมด้วย พระภิกษุอีก ๗ รูป ร่วมกันทำงานเผยแผ่ โดยมี สำนักงานสวนพุทธธรรม เป็นเหมือนที่ทำงานไปโดยปริยาย โดยมีการให้การอบรมธรรมะ ทั้งแก่นักศึกษาเยาวชน และมีการออกไปอบรมหรือเทศนา เผยแผ่นอกสถานที่ให้กับหน่วยงาน หรือองค์กรต่างๆ ด้วย
ประชาชนที่ค่อนข้างมีความพร้อมในด้านชีวิตความเป็นอยู่ และนักศึกษา มีโอกาสเข้าถึงพระ และได้รับการเผยแผ่ธรรมะเข้าสู่ชีวิตมากกว่า เนื่องจาก ประชาชนที่มีฐานะความเป็นอยู่ระดับกลางขึ้นมา สามารถมีเวลาว่างและความพร้อมด้านอื่นๆ ในการเดินทางมาที่วัดโดยตรง อีกแง่หนึ่ง ท่านกล่าวว่า การทำงานเผยแผ่ที่ท่านทำอยู่ ในลักษณะนี้ พระอาจจะเปรียบเหมือนเป้านิ่ง ที่ประชาชนที่มีความทุกข์ มีปัญหาหรือข้อสงสัยต่าง จะเป็นฝ่ายเดินทางมาหา
ท่านพร้อมด้วย พระภิกษุอีก ๗ รูป ร่วมกันทำงานเผยแผ่ โดยมี สำนักงานสวนพุทธธรรม เป็นเหมือนที่ทำงานไปโดยปริยาย โดยมีการให้การอบรมธรรมะ ทั้งแก่นักศึกษาเยาวชน และมีการออกไปอบรมหรือเทศนา เผยแผ่นอกสถานที่ให้กับหน่วยงาน หรือองค์กรต่างๆ ด้วย
ประชาชนที่ค่อนข้างมีความพร้อมในด้านชีวิตความเป็นอยู่ และนักศึกษา มีโอกาสเข้าถึงพระ และได้รับการเผยแผ่ธรรมะเข้าสู่ชีวิตมากกว่า เนื่องจาก ประชาชนที่มีฐานะความเป็นอยู่ระดับกลางขึ้นมา สามารถมีเวลาว่างและความพร้อมด้านอื่นๆ ในการเดินทางมาที่วัดโดยตรง อีกแง่หนึ่ง ท่านกล่าวว่า การทำงานเผยแผ่ที่ท่านทำอยู่ ในลักษณะนี้ พระอาจจะเปรียบเหมือนเป้านิ่ง ที่ประชาชนที่มีความทุกข์ มีปัญหาหรือข้อสงสัยต่าง จะเป็นฝ่ายเดินทางมาหา
นอกจากนี้ พระอาจารย์มาลายังได้กล่าวถึงข้อจำกัด ในการทำงานเผยแผ่ธรรมะที่นั่นว่า ประชาชนที่ยังมีภาระหน้าที่รัดตัว ในการทำงานหาเลี้ยงชีพ และไม่มีความพร้อมในด้านฐานะความเป็นอยู่มากนัก คือกลุ่มที่การทำงานเผยแผ่ธรรมะของท่านเข้าไปยังไม่ถึง เนื่องจาก โดยสภาพและลักษณะการทำงาน ทำให้ประชาชนกลุ่มนี้ไม่มีเวลาว่างพอที่จะเดินทางมาวัด และไม่เกิดจังหวะโอกาสที่พระที่ทำงานเผยแผ่จะเข้าถึงตัวด้วย |
พระอาจารย์มาลา ขณะบรรยายธรรมที่สวนธรรมเภรี |
เห็นได้ว่า ลักษณะการทำงานเผยแผ่ธรรมะของท่านพร้อมด้วยคณะทำงาน
จึงมีทั้งเชิงรุกเชิงรับ อันเป็นจุดเด่นในการทำงาน สำหรับในส่วนที่ท่านเห็นว่า
ยังเป็นส่วนบกพร่องอยู่นั้น ก็เชื่อว่าด้วยวิสัยทัศน์ พร้อมด้วยความสามารถ จะทำให้ท่านและคณะทำงานสามารถหาทางฉีกข้อจำกัด
เพื่อทำให้การเผยแผ่ธรรมะเข้าถึงประชาชนได้อย่างกว้างขวางในทุกระดับต่อไป
ทางทีปภาวันธรรมสถานขอขอบพระคุณพระอาจารย์มาลา สติสมฺปนฺโน ที่ได้เมตตานำธรรมะและสาระที่เป็นประโยชน์หลายอย่าง มอบให้แก่น้องๆ นักเรียนกว่า ๘๐ ชีวิต ที่ขึ้นมาอบรมจริยธรรม ที่สวนธรรมเภรีในครั้งนี้ และหวังว่าโอกาสหน้าจะได้รับความเมตตาจากท่านพระอาจารย์อีก
ทางทีปภาวันธรรมสถานขอขอบพระคุณพระอาจารย์มาลา สติสมฺปนฺโน ที่ได้เมตตานำธรรมะและสาระที่เป็นประโยชน์หลายอย่าง มอบให้แก่น้องๆ นักเรียนกว่า ๘๐ ชีวิต ที่ขึ้นมาอบรมจริยธรรม ที่สวนธรรมเภรีในครั้งนี้ และหวังว่าโอกาสหน้าจะได้รับความเมตตาจากท่านพระอาจารย์อีก
สำหรับนักเรียน วันนี้ผู้เขียนได้ขอสัมภาษณ์น้องๆ นักเรียนจาก ๓ โรงเรียนคือ
โรงเรียนวัดสว่างอารมณ์ โรงเรียนบ้านหน้าค่าย และโรงเรียนวัดละไม
โดยสรุปคำให้สัมภาษณ์ของน้องๆ นักเรียนทั้ง ๓ คนไว้ดังนี้
คนแรก เด็กชายชาญชพงศ์ หนูขาว หรือ น้องเจ อายุ ๑๒ ปี อยู่ชั้น ป.๖ จากโรงเรียนวัดสว่างอารมณ์
“เจ มาที่นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้ว” “ครั้งแรกครับ” “รู้สึกอย่างไรบ้าง” “รู้สึกสนุกครับ” “เจ ได้ข้อคิดอะไรจากที่พระอาจารย์สอนในวันนี้” “ชอบนิทานที่พระอาจารย์เล่าครับ” |
น้องเจ น้องแนน น้องบีม
|
พอดีว่า
วันนี้ ช่วงเช้าไม่มีการนั่งสมาธิ ผู้เขียนสัมภาษณ์ในช่วงพักเที่ยง
จึงไม่ได้ถามถึงความรู้สึกจากการนั่งสมาธิในวันนี้
แต่เมื่อถามว่าน้องเจว่าเคยนั่งสมาธิไหม น้องเจเคยลองนั่งสมาธิ เมื่อถามต่อว่า สมาธิมีประโยชน์อย่างไรบ้าง
เจตอบว่า
“ทำให้มีสติ มีจิตใจปลอดโปร่งครับ” “เจ ชอบเรียนวิชาอะไร” “ภาษาอังกฤษครับ” “โตขึ้นเจ อยากเป็นอะไร” “อยากเป็นนักธุรกิจครับ” “แล้วสุภาษิตที่เจประทับคืออะไร” “ทะเลาะกับเสือดีกว่าทะเลาะกับคนโง่” “ถ้ามีโอกาส เจ จะมาอีกไหม” น้องเจ ตอบอย่างไม่ลังเลว่า “อยากจะมาอีกครับ” |
“แนนมาเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้ว”
“ครั้งที่สองค่ะ” “ชอบหรือประทับใจอะไรบ้างที่นี่” “ชอบทิวทัศน์ค่ะ” “แนน ประทับใจที่พระอาจารย์สอนอะไรบ้างวันนี้” “ประทับใจ เกี่ยวเรื่องสวรรค์นรก ค่ะ” “แนนคิดว่า สมาธิมีประโยชน์อย่างไรบ้าง” “ช่วยให้จิตใจสงบค่ะ” “แนนชอบเรียนวิชาอะไร” “วิชาภาษาอังกฤษค่ะ” “แล้ว โตขึ้นแนนอยากเป็นอะไร” “อยากเป็นพิธีกรค่ะ” “แนนช่วยที่บ้านทำงานบ้านไหม” “ช่วยค่ะ ช่วยกวาดบ้าน” และคำถามสุดท้าย ที่ผู้เขียนได้คำตอบที่น่าประทับใจจากน้องแนน “แนน อยากจะมาอีกไหม” “อยากมาค่ะ อยากชวนคุณพ่อคุณแม่มาด้วย” |
น้องคนสุดท้าย
ที่ผู้เขียนสัมภาษณ์ในวันนี้ คือ เด็กหญิงฤทัยทิพย์ สามสุวรรณ
หรือ น้องบีม อายุ ๑๑ ปี จากโรงเรียนเทศบาลวัดละไม
“บีม มาที่นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้ว”
“ครั้งที่ ๒ ค่ะ”
“บีม ประทับใจอะไรบ้างที่นี่”
“ประทับใจสถานที่ค่ะ”
“บีม คิดว่า สมาธิมีประโยชน์อย่างไรบ้าง”
“ช่วยให้จิตใจสงบ และช่วยในการเรียนค่ะ”
“สุภาษิต ที่บีมประทับใจคืออะไร”
“หลงคำชมจะระบมหัวใจ”
“ทำไมถึงชอบสุภาษิตนี้”
“เพราะเป็นคนเชื่อคนง่ายค่ะ”
“อ๋อ จะได้เอาไว้เตือนสติตัวเองใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ”
“วันนี้ ชอบที่พระอาจารย์สอนตรงไหนบ้าง”
“ชอบนิทานเรื่องพระโอรส ๒ พระองค์ค่ะ”
“นิทานเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่าอย่างไร”
“ให้รู้จักรักษาสิ่งของแม้จะเล็กน้อยค่ะ”
กับคำถามมาตรฐานที่ผู้ใหญ่มักจะถามเด็กๆ
“โตขึ้น บีมอยากเป็นอะไร” บีมตอบว่า “อยากเป็นนักแสดงค่ะ”
“บีม มีใครเป็นต้นแบบที่ชื่นชอบไหม”
“ชอบตุ๊กกี้ค่ะ”
“เพราะอะไรล่ะ”
“เพราะเป็นคนตลกค่ะ”
ผู้เขียนจบคำสัมภาษณ์ เพื่อให้น้องๆ ไปเตรียมตัวร่วมกิจกรรมในช่วงบ่ายต่อไป ด้วยการออกไปพูดแบ่งปันสุภาษิตที่ตนเองชื่นชอบให้เพื่อนๆ ฟัง โดยมี อาจารย์สมศักดิ์ บุญสิน ผอ. โรงเรียนวัดสว่างอารมณ์เป็นพิธีกรผู้ดำเนินกิจกรรมช่วงนี้
หรือ น้องบีม อายุ ๑๑ ปี จากโรงเรียนเทศบาลวัดละไม
“บีม มาที่นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้ว”
“ครั้งที่ ๒ ค่ะ”
“บีม ประทับใจอะไรบ้างที่นี่”
“ประทับใจสถานที่ค่ะ”
“บีม คิดว่า สมาธิมีประโยชน์อย่างไรบ้าง”
“ช่วยให้จิตใจสงบ และช่วยในการเรียนค่ะ”
“สุภาษิต ที่บีมประทับใจคืออะไร”
“หลงคำชมจะระบมหัวใจ”
“ทำไมถึงชอบสุภาษิตนี้”
“เพราะเป็นคนเชื่อคนง่ายค่ะ”
“อ๋อ จะได้เอาไว้เตือนสติตัวเองใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ”
“วันนี้ ชอบที่พระอาจารย์สอนตรงไหนบ้าง”
“ชอบนิทานเรื่องพระโอรส ๒ พระองค์ค่ะ”
“นิทานเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่าอย่างไร”
“ให้รู้จักรักษาสิ่งของแม้จะเล็กน้อยค่ะ”
กับคำถามมาตรฐานที่ผู้ใหญ่มักจะถามเด็กๆ
“โตขึ้น บีมอยากเป็นอะไร” บีมตอบว่า “อยากเป็นนักแสดงค่ะ”
“บีม มีใครเป็นต้นแบบที่ชื่นชอบไหม”
“ชอบตุ๊กกี้ค่ะ”
“เพราะอะไรล่ะ”
“เพราะเป็นคนตลกค่ะ”
ผู้เขียนจบคำสัมภาษณ์ เพื่อให้น้องๆ ไปเตรียมตัวร่วมกิจกรรมในช่วงบ่ายต่อไป ด้วยการออกไปพูดแบ่งปันสุภาษิตที่ตนเองชื่นชอบให้เพื่อนๆ ฟัง โดยมี อาจารย์สมศักดิ์ บุญสิน ผอ. โรงเรียนวัดสว่างอารมณ์เป็นพิธีกรผู้ดำเนินกิจกรรมช่วงนี้